วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Enrique Iglesias - Heart Attack



[Verse 1]
Loving you was easy
การรักเธอมันเป็นสิ่งที่เคยง่าย
thought you'd never leave me
เคยคิดนะ ว่าเธอจะไม่มีทางทิ้งฉันแน่ๆ
yeah yeah
Wrapped around my finger
ทำตามใจในสิ่งที่ฉันชี้นิ้วสั่ง
see ya when I see ya
เจอเธอ เมื่อฉันได้เจอเธอ
yeah yeah
Now I'm hearing around
ตอนนี้ฉันได้ยินสิ่งรอบตัวทุกอย่าง
that you been running around
ว่าเธอกำลังวิ่งวุ่นอยู่รอบๆ
I didn't think I'd miss you
ฉันไม่คิดหรอกว่าฉันจะคิดถึงเธอ
Now I'm feeling like a fool
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่
ooh ohh

[Chorus]
It hit me like a heart attack
มันทำร้ายฉันเหมือนอาการหัวใจวาย
when you finally left me girl
เมื่อเธอได้จากฉันไปในที่สุดแล้วไงสาวน้อย
I thought I'd never want you back
ฉันเคยคิดนะว่าฉันจะไม่มีวันอยากให้เธอกลับมา
But I don't wanna live in a world with without you
แต่ฉันก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ในโลกทั้งใบนี้โดยไม่มีเธอ
I don't wanna live in a world with without you

 
[Verse 2]
Never really noticed
ไม่เคยสังเกตเห็นเลยจริงๆ
all the little things you did
พวกสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เธอได้ทำเอาไว้
you did
เธอได้ทำมัน
Never bought you roses
ไม่เคยซื้อดอกกุหลาบมามอบให้เธอเลย
always was around my friends
อยู่แต่กับเพื่อนรอบกายฉันตลอดเวลา
my friends
พวกเพื่อนของฉัน
And now I'm hearing around
และตอนนี้ฉันก็ได้ยินเหล่าเสียงรอบๆตัว
that you been running around
ว่าเธอนั้นได้วิ่งหนีจากกันไป
I didn't think I'd miss you
ฉันไม่ได้คิดหรอกว่าฉันจะคิดถึงเธอ
Now I'm feeling like a fool
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนงี่เง่าเลยล่ะ
ooh ohh

[Chorus]
It hit me like a heart attack
มันทำร้ายฉันเหมือนอาการหัวใจวาย
when you finally left me girl
เมื่อเธอได้จากฉันไปแล้วในที่สุด สาวน้อยเอ๋ย
I thought I'd never want you back
ฉันคิดนะ ว่าฉันคงจะไม่อยากให้เธอกลับมาหรอก
But I don't wanna live in a world with without you
แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะอยู่ในโลกใบนี้โดยไม่มีเธอ
I don't wanna live in a world with without you

[Bridge]
Never should have let you slip away
ไม่ดีเลยที่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปไกล
Living in a world that's turned to gray
ใช้ชีวิตในโลกใบหนึ่งที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นสีเทา
Little did I know it hurt so bad
สิ่งเล็กๆน้อยที่ฉันได้รู้คือมันช่างเจ็บปวดเหลือร้าย
Cause It hit me like a heart attack…
เพราะว่ามันทำร้ายฉันเหมือนกับโรคหัวใจวาย

[Chorus]
It hit me like a heart attack
มันทำร้ายฉันเหมือนอาการหัวใจวาย
when you finally left me girl
เมื่อในที่สุดเธอได้จากฉันไปแล้วไง สาวน้อย
I thought I'd never want you back
ฉันเคยคิดนะว่าไม่มีวันอยากให้เธอกลับมาหรอก
But I don't wanna live in a world with without you
แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะอยู่ต่อไปในโลกที่มันขาดเธอ
I don't wanna live in a world with without you
No oh

[Outro]
Now I'm hearing around
ตอนนี้ฉันได้ยินเสียงรอบกาย
that you been running around
ว่าเธอได้วิ่งหนีจากกันไปอยู่ที่อื่น
I didn't think I'd miss you
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉันจะคิดถึงเธอ
Now I'm feeling like a fool
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนโง่งี่เงา...
ooh ohh

อธิบายศัพท์จ้า

 
Wrapped around = การตามใจหรือโอนอ่อนตามคนบางคน
 
 
fool = โง่
 
 
heart attack = อาการหัวใจวาย
 
 
noticed = สังเกต
 
 
slip away = คำว่า slip แปลว่าลื่นหลุดไปครับ พอไปรวมกับ away ที่แปลว่าอีกทาง ก็แปลว่า หลุดมือไปที่อื่น...ประมาณนี้นะ



turned = ถูกเปลี่ยน คำนี้มันมีตัว ed ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นช่องสองนะเออ ถ้าไม่มีก็แปลว่าย้อนกลับ หรือว่าเปลี่ยนเฉยๆ


ผิดพลาดตรงไหนช่วยเตือนด้วยนะครับผม ^^

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Sweeter Than Fiction - Taylor Swift

เพลงนี้ขอบอกว่าตื่นเต้นมากที่จะได้แปล เพราะคิดไว้ตั้งแต่รู้ว่าจะมีเพลงนี้แล้ว ว่าจะต้องแปลให้ได้ และมันก็เป็นจริง เพลงนี้ง่ายม๊วกกกกก
(คำอธิบายศัพท์ด้านล่างนะครับ)




Hit the ground, hit the ground, hit the ground (oh, oh)
เริ่มสิ เริ่มต้นสิ เริ่มที่จะทำสิ
Only sound, only sound that you hear is “no”
เสียงเดียว เพียงเสียงเดียว เสียงเพียงหนึ่งเดียวที่เธอได้ยินคือคำว่า "ไม่"
You never saw it coming
เธอไม่มีวันได้เห็นมันเดินทางมาหา  
Except when you started running
เว้นแต่เมื่อเธอเริ่มจะวิ่งไล่ตามมันเสียเอง
And now you come undone (I, I, I)
และตอนนี้เธอก็กลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว
 
Seen you fall, seen you crawl on your knees (eh, eh)
เห็นเธอผิดหวัง ดูเธอล้มลุกคลุกคลานอยู่บนเข่าของเธอเองอย่างนั้น
Seen you lost in a crowd, seen you colors fade
เห็นเธอหายไปท่ามกลางฝูงชน มองเธอสีหน้าซีดเซียว
Wish I could make it better
หวังว่าฉันจะทำให้มันดีขึ้นได้
Someday you won’t remember,
สักวันหนึ่ง เธอจะลืมมันลง
This pain you thought would last forever and ever
ความเจ็บนี้ที่เธอคิดว่ามันจะอยู่ตลอดๆ
 
[Chorus]
There you stand, ten feet tall
และแล้วเธอก็ยืนขึ้นได้ ด้วยความสำเร็จอย่างสง่างาม
I will say, “I knew it all along
ฉันจะขอพูดเลยนะว่า "ฉันรู้ว่านั่นมันดีไปหมดอย่แล้วน่า"
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอกว้างขวางยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction
ชีวิตนี้ ช่างหวานฉ่ำยิ่งกว่านิยาย
 
Just a shot, just a shot in the dark (oh, oh)
เพียงวูบเดียว แวบเดียวเท่านั้นในความมืดมิด
All you got, all you got are your shattered hopes
ทั้งหมดที่เธอมี ทั้งหมดที่เธอได้มาคือความหวังที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
They never saw it coming
พวกเขาไม่มีทางได้เห็นมันเดินทางมาหา
You hit the ground running
เธอจงพยายามทำให้ดีที่สุด
And now you’re onto something
และตอนนี้เธอก็ได้พบกับความจริงบางอย่าง
I, I, I say
ฉันบอกว่า
 
What a sight, what a sight when the light came on
สายตาพวกนี้มันอะไรกัน เมื่อยามที่แสงไฟส่องลงมา
Put me right, threw me right when you put them front
ทำให้ฉันรู้สึกดี และเจ๋งเป้งยามเมื่อเธอพาตัวเองมันอยู่ต่อหน้าพวกเขา
And in this perfect weather
และในบรรยากาศดีๆอย่างนี้
It’s like we don’t remember
มันเหมือนกับว่าเราจะไม่จำมัน
The rain we thought would last forever and ever
เหล่าฝนพรำที่เราคิดมันจะอยู่ตลอดไป
 
[Chorus]
There you stand, ten feet tall
และแล้วเธอก็ลุกขึ้นได้ ด้วยความสำเร็จอันสง่างาม
I will say, “I knew it all along”
ฉันจะบอกว่า "ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ ว่ามันก็ถูกต้องทั้งหมด"
Your eyes are wider than distance
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอ มองได้กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction
ชีวิตนี้ ช่างหวานหมูยิ่งกว่าเรื่องโกหกเสียอีก
There you stand, next to me
และแล้วเธอก็ได้มายืนอยู่ ข้างกายฉัน  
All at once, the rest is history
ทันใดนั้น ส่วนที่เหลือจะกลายเป็นประวัติศาสตร์
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอ กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction, fiction
ชีวิตนี้ หวานหมูยิ่งกว่านิยายเสียอีก
 
[Bridge]
I’ll be one of the many saying
ฉันจะเป็นหนึ่งในเหล่าคนมากมายที่กล่าวออกมา
Look at you now, look at you now, now
ว่ามองไปที่เธอสิ มองไปที่เธอสิ ตอนนี้เลยนะ
I’ll be one of the many saying
ฉันจะเป็นหนึ่งในเหล่าคนมากมายที่เอ่ยขึ้น
You’re made us proud, you’re made us proud
เธอทำให้พวกเราภูมิใจ เธอทำให้เราภูมิใจได้นะ
I’ll be one of the many saying
Look at you now, look at you now, now
I’ll be one of the many saying
You’re made us proud, you’re made us proud, proud

 
And when they call your name
และเมื่อยามที่พวกเขาเอ่ยขานชื่อเธอ
And they put your picture in a frame
และเมื่อพวกเขาใส่ภาพของเธอไว้ในกรอบรูป
You know that I’ll be there time and again
เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันนั้นจะไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง
‘Cause I you loved when
เพราะฉันรักเธอ เมื่อเธอ...
 
When you hit the ground, hit the ground, hit the ground, oh oh
เมื่อเธอตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่างให้ประสบผลสำเร็จ
Only sound, only sound that you hear is “no”
เสียงเดียว เพียงเสียงเดียว เสียงเพียงหนึ่งเดียวที่เธอได้ยินคือคำว่าไม่
Now in this perfect weather
ตอนนี้มันเป็นช่วงที่อากาศดีมากเลยนะ
It’s like we don’t remember
มันเหมือนกับว่าเราจะจำมันไม่ได้
The rain we thought would last forever and ever
สายฝนที่เราคิดว่ามันจะอยู่เป็นสิ่งสุดท้าย
 
[Chorus]
There you stand, ten feet tall
และเธอก็ยืนขึ้นได้ ด้วยความสำเร็จนั้น
I will say, “I knew it all along”
ฉันจะพูดว่า "ฉันรู้อยู่แล้วน่า ว่านั่นมันถูกไปหมดอยู่แล้ว"
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอ กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction
ชีวิตนี้ หวานหมูยิ่งกว่าเรื่องแต่งเสียอีก
There you stand, next to me
และเธอก็ยืนอยู่ ข้างกายฉัน
All at once, the rest is history
ในตอนนั้น ส่วนที่เหลือมันจะกลายเป็นเรื่องเก่าๆ
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอ กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใด
This life is sweeter than fiction, fiction
ชีวิตนี้ หวานเสียยิ่งกว่านิยาย
คำอธิบายศัพท์ เยอะหน่อยนะ


Hit the ground = มาจากคำว่า "Hit the ground running" ครับ แปลว่า การตั้งใจทำอะไรบางอย่างให้ประสบผลสำเร็จ
 
 Except = ยกเว้น


come undone = กลายเป็นบ้า

fall = ที่จริงแล้วแปลว่าตก  แต่ว่ามันสามารถแปลว่า "หกล้ม" หรือว่า "ผิดหวัง" ได้เหมือนกันนะ ประมาณว่าทำอะไรไม่สำเร็จจนตกจากเป้าหมาย


crawl = คลาน


ten feet tall = เป็นศัพท์ของพวกนักธุรกิจครับ แปลว่า ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม



it all along = คำว่า along แปลว่า พร้อม หรือ ตามๆกัน แต่ว่าคำนี้แปลว่า มันสมควรต่อกันทั้งหมด

 
distance = ที่จริงมีนมีอีกคำหนึ่งที่คล้ายๆกันนะครับ คือ "Distant" ที่แปลว่า ไกล แต่ทว่า distance คำนี้แปลว่า ระยะห่าง ครับ


fiction = เรื่องโกหก เรื่องที่แต่งขึ้น หรือว่านิยาย 

 
Just a shot = แปลว่า ชั่วขณะเดียว


shattered = แตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว


sight = สายตา

 
 All at once = ทันทีทันใด


 proud = ภูมิใจ 


onto something = การได้พบเจอกับความจริงบางอย่าง


แปลผิดตรงไหนก็ขออภัยและช่วยเตือนด้วยนะครับ ขอบคุณมาก 

 

 

เนื้อเพลง http://sz4m.com/b3819304

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Katy Perry - Unconditionally


ตอนแรกผมก็เฉยๆกับเคที่ เพอร์รี่นะ เพราะชอบเพลงพวกคันทรี่ประมาณเทเลอร์ สวิฟท์,ทิม แมคกรอว์ ประมาณนี้มากกว่า แต่เพลงนี้ถึงไม่ใช่คันทรี่แต่ก็โคตรเจ๋ง! ชอบมากจนต้องเอามาแปลเลยทีเดียว

คำอธิบายศัพท์ข้างล่างจ้า(เพลงก่อนๆไม่มีนะนี่)



Oh no, did I get too close?
โอ้ ไม่นะ นี่ฉันเข้าใกล้เกินไปหรือเปล่า?
Oh, did I almost see?
ฉันเกือบจะได้เห็นมันหรือยังนะ?
What's really on the inside
ว่าอะไรกันแน่ที่อยู่ข้างใน
All your insecurities
พวกความไม่มั่นคงทั้งหมดของเธอ
All the dirty laundry
พวกความสกปรกบนเสื้อผ้าของเธอ
Never made me blink one time
ไม่อาจทำให้ฉันกระพริบตาได้เลยสักครั้ง
Unconditional, unconditionally
ไม่มีเงื่อนไขเลย

I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธออย่างไม่มีเงื่อนไข
There is no fear now
ไม่มีความกลัวเลยสักนิดในตอนนี้
Let go and just be free
ปล่อยมันไปและเป็นอิสระซะ
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอโดยไม่มีข้อแม้เลย

So come just as you are to me
เพราะงั้นมาหาฉันด้วยความเป็นตัวเธอเอง
Don't need apologies
ไม่ต้องการคำขอโทษพวกนั้นเลยสักนิด
Know that you are worthy
รู้แล้วล่ะว่าเธอนั้นมีค่าขนาดไหน
I'll take your bad days with your good
ฉันจะแบกรับวันร้ายๆของเธอไว้ด้วยด้วยสิ่งดีๆของเธอเอง
Walk through the storm I would
เดินฝ่าเข้าไปในพายุร้าย นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันจะทำ
I do it all because I love you
ฉันทำทั้งหมดนั่น เพราะว่าฉันรักเธอ
I love you
ฉันรักเธอ

Unconditional, unconditionally
ไม่มีเงื่อนไขใดๆเลย
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอโดยไม่มีข้อแม้
There is no fear now
มันไม่มีความหวาดกลัวในตอนนี้เสียแล้ว
Let go and just be free
ปล่อยมันไปและเป็นอิสระเถอะ
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอโดยไร้เงื่อนไขเลย

So open up your heart and just let it begin
เพราะงั้นเปิดใจของเธอและมาให้มันได้เริ่มขึ้น
Open up your heart and just let it begin
เปิดหัวใจของเธอและปล่อยให้มันได้เริ่มต้น
Open up your heart and just let it begin
Open up your heart
เปิดใจของเธอซะสิ

Acceptance is the key to be
การยอมรับคือกุญแจที่จะใช้เพื่อ...
To be truly free
ได้พบกับความอิสระที่แท้จริง
Will you do the same for me?
เธอจะทำแบบเดียวกันนี้เพื่อฉันไหม?
 
Unconditional, unconditionally
ไม่มีเงื่อนไขใดเลย
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอแบบไม่มีเงื่อนไขใดเลย
And there is no fear now
และมันก็ไม่มีความกลัวเหลืออยู่ในตอนนี้แล้ว
Let go and just be free
ปล่อยมันไปและเป็นอิสระ
'Cause I will love you unconditionally (oh yeah)
 เพราะฉันจะรักเธอแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ
I will love you
ฉันจะรักเธอ
I will love you
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ





แปลศัพท์จ้า

1. Unconditionally = ตามปกติแล้ว Conditionally แปลว่าเงื่อนไขครับ แต่พอเติม Un เข้ามามันก็กลายเป็น ไม่มีเงื่อนไข
2. Insecurities = sercurities เฉยๆแปลว่าความปลอดภัยหรือความมั่นคงครับ(มีs ด้วย ผมเลยเติม 'พวก' ในคำแปลนะ แต่พอเติม In เข้าไป แปลว่า ไม่ปลอดภัย หรือ ไม่มั่นคง นั่นเอง

3. Blink -  แปลว่ากระพริบตาครับ(เหมือนคำว่า wink) 'Never made me blink one time' หมายความได้อีกนัยหนึ่งว่า 'ไม่อาจทำให้ฉันละสายตาไปได้สักครั้งเดียว'

4. Laundry = มันแปลว่าซักรีดครับ ประโยคที่ว่า 'All the dirty laundry' แปลหยาบๆคือ 'การซักรีดที่สกปรกทั้งหมดนั่น' เฮ้ย!  มันหยาบเกินไป เลยขอแปลว่า 'พวกความสกปรกบนเสื้อผ้าของเธอ' แทนเพื่อความสละสลวยครับ

5. Apologies = แปลว่าคำขอโทษ เนื่องจากมันมี S ผมเลยแปลว่า 'คำขอโทษพวกนั้น' ครับ

6. worthy = คุณค่า


ที่เหลือก็ง่ายๆเนอะ เอาแค่หกคำก่อนละกัน



ปล. แปลผิดตรงไหนไปก็ฝากช่วยเตือนด้วยครับผม ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Untouchable - Taylor Swift



Untouchable like a distant diamond sky
จับต้องไม่ได้ เหมือนกับหยาดเพชรอันห่างไกลบนท้องนภา
I'm reaching out and I just can't tell you why
ฉันยื่นมืออกไป และฉันก็บอกเธอไม่ได้หรอกว่าทำไม
I'm caught up in you, I'm caught up in you
ฉันถึงได้หลงไหลในตัวเธอ

Untouchable, burning brighter than the sun
สัมผัสไม่ได้ ร้อนแรง สว่างไสวยิ่งกว่าดวงตะวัน
And when you're close, I feel like coming undone
และเมื่อยามเธอชิดใกล้แบบนั้น ฉันรู้สึกเหมือนแทบจะบ้า

In the middle of the night when I'm in this dream
ในเวลายามดึก เมื่อฉันอยู่ในความฝันนี้
It's like a million little stars spelling out your name
มันราวกับมีดวงดารานับล้านดวงกำลังสะกดชื่อเธออยู่
You gotta come on, come on, say that we'll be together
เธอจะต้องมานี่ มาสิ พูดว่า เราจะอยู่ด้วยกัน
Come on, come on, little taste of heaven
มาสิ มานี่สิ รสชาติแห่งสรวงสวรรค์

It's half full and I won't wait here all day
มันครึ่งๆกลางๆอย่างนั้น และฉันคงไม่อยู่รออยู่ที่นี่ไปเสียทุกวันหรอก
I know you're saying that you'd be here anyway
ฉันรู้ว่าเธอกำลังพูดว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่...ไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ

But you're untouchable, burning brighter than the sun
แต่เธอก็ สัมผัสไม่ได้ ร้อนแรง สว่างไสวยิ่งกว่าดวงตะวัน
Now that you're close, I feel like coming undone
ในตอนนี้ที่เธอใกล้กัน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะบ้า

In the middle of the night when I'm in this dream
ในเวลายามดึก เมื่อฉันได้อยู่ในฝันนี้
It's like a million little stars spelling out your name
มันราวกับว่าดวงดาวนับล้านดวงกำลังร้องขานชื่อเธออกมา
You gotta come on, come on, say that we'll be together
เธอจะต้องมานี่ มาสิ พูดว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน
Come on, come on, oh
มาสิ มานี่สิ
In the middle of the night waking from this dream
ในเวลากลางดึกทีฉันเดินออกมาจากความฝันนี้
I wanna feel you by my side, standing next to me
ฉันอยากจะรู้สึกว่าเธออยู่เคียงกัน ยืนอยู่ข้างกายฉัน
You gotta come on, come on, say that we'll be together
เธอจะต้องมานี่สิ มาสิ พูดว่าเราจะอยู่ด้วยกัน
Come on, come on, little taste of heaven
มาสิ มาสิ รสชาติแห่งสวรรค์

I'm caught up in you
ฉันหลงไหลในตัวเธอ

Oh, oh, oh

But you're untouchable, burning brighter than the sun
แต่เธอก็จับต้องไม่ได้ ร้อนแรง สว่างจ้าเหนือกว่าดวงตะวัน
Now that you're close, I feel like coming undone
ในตอนนี้ที่เธอใกล้กัน ฉันรู้สึกเหมือนกำลังใกล้จะบ้า

In the middle of the night when I'm in this dream
ในยามกลางดึกเมื่อฉันอยู่ในฝันนี้
It's like a million little stars spelling out your name
มันเหมือนกับดวงดาวน้อยๆนับล้านดวงกำลังร้องเรียกชื่อเธออกมา
You gotta come on, come on, say that we'll be together
เธอจะต้องมาที่นี่ มาพูดสิ ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน
Come on, come on, oh
มาสิ มาสิ

In the middle of the night when I'm in this dream
ในยามย่ำราตรีเมื่อฉันได้อยู่ในความฝันนี้
It's like a million little stars spelling out your name
มันเหมือนกับดวงดาวน้อยๆนับล้านกำลังร้องขานชื่อเธอออกมา
You gotta come on, come on, say that we'll be together
เธอจะต้องมาที่นี่ มาสิ มาพูดคำนั้น ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน
Come on, come on, come on
มาสิ มาสิ

In the middle of the night waking from this dream
ในยามดึกเมื่อฉันได้เดินมาออกมาจากฝันนี้
I wanna feel you by my side, standing next to me
ฉันอยากจะรู้สึกว่ามีเธออยู่เคียงกัน ยืนอยู่ข้างกายฉัน
You gotta come on, come on, say that we'll be together
เธอจะต้องมานี่สิ มานี่ พูดคำนั้นสิ ว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน

Come on, come on, little taste of heaven
มาสิ มานี่สิ รสชาติแห่งสวรรค์

And in the middle of the night when I'm in this dream
และในยามกลางดึกเมื่อฉันอยู่ในความฝันนี้
It's like a million little stars spelling out your name
มันเหมือนกับว่าดวงดาวดาวนับล้านดวงกำลังสะกดชื่อเธอออกมา
You gotta come on, come on, come on, come on
เธอจะต้องมา มานี่สิ มานี่
Come on, come on, oh, oh, oh
มาสิ มานี่เลยนะ
Like a million little stars spelling out your name
มันเหมือนกับดวงดาวนับล้านกำลังสะกดชื่อเธอ
They're spelling out your name, oh
ดาวพวกนั้นกำลังสะกดชื่อเธอ...

วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Avril Lavigne feat. Chad Kroeger - Let Me Go


[Avril Lavigne]
Love that once hung on the wall
รักนั้นก็เป็นอีกครั้งที่ถูกเอาขึ้นแขวนกำแพง
Used to mean something, but now it means nothing
มันเคยหมายถึงบางสิ่ง แต่ตอนนี้มันกลับไร้ความหมาย
The echoes are gone in the hall
เสียงเรียกดังสะท้อนได้หายไปจากในห้อง
 But I still remember, the pain of december
แต่ฉันก็ยังจำได้อยู่นะ ความเจ็บเมื่อเดือนธันวาคม

Oh, there isn't one thing left you could say
มันไม่ใช่อะไรสักอย่างที่เธอจะพูดได้เลย
I'm sorry it's too late
ฉันขอโทษนะ...มันสายไปแล้วล่ะ

[Chorus]
I'm breaking free from these memories
 ฉันถูกปล่อยออกมาจากความทรงจำพวกนั้น
Gotta let it go, just let it go
คงต้องปล่อยมันไป แค่ปล่อยมันไป
I've said goodbye
ฉันได้กล่าวอำลาออกไป
Set it all on fire
เอาพวกมันทั้งหมดไปเผาไฟ
Gotta let it go, just let it go
คงต้องปล่อยมันไป ปล่อยให้มันไป

[Chad Kroeger]
You came back to find I was gone
เธอได้กลับมาอีกเพื่อจะดูว่าฉันจากไปหรือยัง
And that place is empty, like the hole that was left in me
และที่นั่นก็ว่างเปล่า ราวกับมีหลุมดำมาพาตัวฉันไป
Like we were nothing at all
เหมือนดั่งว่าเราไม่เคยมีตัวตนมาก่อนเลย
It's not that you meant to me
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอตั้งเป้าไว้ในตัวฉัน
Thought we were meant to be
เธอคิดว่าเราจะได้อยู่ด้วยกัน

Oh, there isn't one thing left you could say
ไม่มีสิ่งใดที่เธอจะพูดแก้ตัวได้
I'm sorry it's too late
ขอโทษนะ มันสายไปแล้วล่ะ

[Chorus]
I'm breaking free from these memories
ฉันถูกปล่อยออกจากความทรงจำพวกนั้น
Gotta let it go, just let it go
จำต้องทิ้งมันไป ปล่อยให้มันจากไป
I've said goodbye
ฉันได้กล่าวลาไปแล้ว
Set it all on fire
เอามันไปเผาไฟ
Gotta let it go, just let it go
คงต้องปล่อยให้มันไป แค่ปล่อยให้มันไป

I let it go, and now I know
ฉันปล่อยมันไปแล้ว และฉันก็รู้แล้วว่า
A brand new life, this tale is rude
จะใช้ชีวิตใหม่ และนี่จะเป็นแค่เรื่องเล่าห่วยๆเท่านั้น
Where it's right, you always know
มันถูกที่ไหนกัน เธอก็รู้มาตลอด
So this time, I won't let go
เพราะงั้นตอนนี้ ฉันจะไม่ปล่อยมันไปแล้วล่ะ

There's only one thing left here to say
มีแค่สิ่งเดียวที่จะได้พูดที่นี่ ตรงนี้
Love's never too late
รักไม่มีคำว่าสายไป

[Chorus]
I've broken free from these memories
ฉันอกหักไปแล้ว เป็นอิสระจากความทรงจำพวกนี้
I've let it go, I've let it go
ฉันปล่อยมันไปแล้ว ปล่อยมันไปแล้ว
And two goodbyes, lend you this new life
และกล่าวลาถึงสองครั้ง มอบชีวิตใหม่นี้ให้แก่เธอ
Don't let me go, don't let me go
อย่าให้ฉันไปเลยนะ อย่าปล่อยฉันไป

Don't let me go, don't let me go, don't let me go

Won't let you go, don't let me go
ฉันจะไม่ให้เธอไปไหนหรอก ไม่ปล่อยเธอไปแน่
Won't let you go, don't let me go

วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Come In With The Rain - Taylor Swift แปล

 

I could go back to every laugh,
ฉันน่าจะได้กลับไป เพื่อที่จะมีเสียงหัวเราะอีกครั้ง
But I don’t wanna’ go there anymore,
แต่ฉันไม่อยากจะไปที่นั่นอีกครั้งแล้วสิ
And I know all the steps up to your door,
และฉันก็รู้ว่าทุกย่างก้วนั้นจะเดินหน้าไปยังประตูบ้านเธอ
But I don’t wanna’ go there anymore.
แต่ฉันไม่อยากจะไปที่นั่นอีกแล้วล่ะ

Talk to the wind, talk to the sky,
พูดคุยกับสายลม บอกกับท้องฟ้า
Talk to the man with the reasons why,
สนทนากับผู้คน ถามถึงเหตุผลว่าทำไม
And let me know what you find.
 และทำให้ฉันรู้ทีว่าเธอค้นหาอะไร

I’ll leave my window open,
ฉันจะปล่อยให้หน้าต่างบ้านตัวเองเปิดทิ้งไว้
‘Cause I’m too tired at night to call your name.
เพราะฉันเหนื่อยหน่ายเหลือเกินที่ยามค่ำคืนต้องเรียกชื่อเธอออกมา
Just know I’m right here hopin’,
รู้แค่ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้อย่างมีความหวัง
That you’ll come in with the rain.
ว่าเธอนั้นจะกลับมาพร้อมกับสายฝน
 
I could stand up and sing you a song,
ฉันยืนอยู่ และร้องเพลงเพลงหนึ่งให้กับเธอ
But I don’t wanna’ have to go that far.
แต่ฉันไม่อยากจะไปไหนไกลเลยสักนิด
And I, I’ve got you down,
และฉัน...ฉันทำให้เธอเสียใจ
I know you by heart,
ฉันรู้จักกับเธอผ่านหัวใจของตนเอง
And you don’t even know where I start.
และเธอก็ไม่เคยรู้เลยว่าฉันเริ่มจากตรงไหน

Talk to yourself, talk to the tears,
พูดคุยกับเธอ เอ่ยกับน้ำตา
Talk to the man who put you here,
สนทนากับผู้คน ว่าใครที่ทำให้เธอมาอยู่ตรงนี้
And don’t wait for the sky to clear.
และก็ไม่ได้รอให้ท้องฟ้ามันกระจ่างขึ้นเสียก่อน

I’ll leave my window open,
ฉันจะปล่อยให้หน้าต่างมันเปิดไว้อย่างนั้น
‘Cus I’m too tired at night to call your name.
เพราะฉันเหนื่อยเหลือเกินกับการเรียกชื่อเธอในยามกลางคืน
Oh, just know I’m right here hopin’
แค่รู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้ กำลังมีหวัง,
That you’ll come in with the rain.
ว่าเธอนั้นจะกลับมาพร้อมกับสายฝน
I’ve watched you so long,
ฉันเฝ้ามองเธอมานานแล้ว
Screamed your name,
ตะโกนเรียกชื่อเธอ
I don’t know what else I can say.
ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ฉันพูดได้อีกไหม

But I’ll leave my window open,
แต่ฉันจะปล่อยให้หน้าต่างของตัวเองเปิดทิ้งไว้
‘Cus I’m too tired at night for all these games.
เพราะฉันเหนื่อยหน่ายในยามค่ำคืนเพราะเกมพวกนี้
Just know I’m right here hopin’,
ฉันแค่อยู่ตรงนี้ อย่างมีความหวัง
That you’ll come in with the rain.
ว่าเธอจะกลับมาพร้อมกับสายฝน
I could go back to every laugh,
ฉันควรจะกลับไปหัวเราะ
But I don’t wanna’ go there anymore…
แต่ฉันไม่อยากจะไปที่นั่นอีกแล้ว