วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Hello Kitty - Avril Lavigne


Mina sako arigato, k-k-k-kawaii
K-k-k-kawaii.

[Verse 1]
Mom's not home tonight
คืนนี้แม่ฉันไม่อยู่บ้านล่ะตัวเธอ
So we can roll around, have a pillow fight
เพราะงั้นเราก็กลิ้งไปรอบๆกันได้ แถมยังเล่นปาหมอนกันได้อีกนะ
Like a major rager OMFG
เหมือนเป็นเรื่องน่าสนุกสักอย่าง
Let's all slumber party
มาร่วมปาร์ตี้ชุดนอนกันก็ดีนะ
Like a fat kid on a pack of Smarties
เหมือนกับเด็กอ้วนสักคนบนห่อขนมสมาร์ตตี้
Someone chuck a cupcake at me
มีใครก็ไม่รู้ทิ้งคัพเค้กลงบนหัวฉันด้วยล่ะ
It's time for spin the bottle
นี่มันเป็นเวลาที่เราจะมาหมุดขวดเสี่ยงทายกัน
Not gonna talk about it tomorrow
ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเสวนาเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้
Keep it just between you and me
เก็บมันไว้เป็นเรื่องระหว่างเธอกับฉันนะ
Let's play truth or dare now
มาเล่นเกมเล่าความจริงกันเหอะ
We can roll around in our underwear how
เราจะกลิ้งไปมายังไงก็ได้ในชุดชั้นในของเราอ่ะนะ
Every silly kitty should be
คิตตี้น่าฟัดทุกตัวน่าจะได้ลอง
[Pre-chorus]
Come come Kitty Kitty
มาสิ มาสิ คิตตี้ตัวน้อย
You're so pretty pretty
แกน่ารักเป็นบ้าเลย
Don't go Kitty Kitty
อย่าไปไหนเลยนะ เจ้าคิตตี้น้อย
Stay with me
อยู่กับฉันนี่แหละ
Come come Kitty Kitty
มา มาสิ เจ้าคิตตี้น้อย
You're so silly silly
แกน่ะน่าฟัดเป็นบ้าเลย
Don't go Kitty Kitty
อย่าไปไหนเลยเจ้าคิตตี้
Play with me
มาเล่นกับฉันเหอะ
[Chorus]
Kawaii
Hello Kitty, hello Kitty
สวัสดี เจ้าคิตตี้ตัวน้อย
Hello Kitty, you're so pretty
สวัสดี คิตตี้ แกน่ะน่ารักจัง
Hello Kitty, hello Kitty
Hello Kitty, you're so silly
สวัสดี คิตตี้ แกน่ะน่าฟัดชะมัดเลย
[Verse 2]
Wake up, got a secret
ตื่นขึ้นมา แล้วเก็บงำความลับเอาไว้
Pinky swear that you're gonna keep it
คำสัญญาสีชมพูนั้นเธอจงเก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี
I've got something you need to see
ฉันมีบางสิ่งที่เธอต้องการจะเห็นอยู่นะ
Let's be friends forever
เป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ
I wanna do everything with you together
ฉันอย่างจะทำทุกๆอย่างกับเธอตลอดไป
Come and play with Kitty and me
มานี่แล้วเล่นสนุกกับคิตตี้และฉันสิ
[Pre-chorus]
Come come Kitty Kitty
You're so pretty pretty
Don't go Kitty Kitty
Stay with me

Come come Kitty Kitty
You're so silly silly
Don't go Kitty Kitty
Play with me

[Chorus]
Kawaii
Hello Kitty, hello Kitty
Hello Kitty, you're so pretty
Hello Kitty, hello Kitty
Hello Kitty, you're so silly

Mina sako arigato! Kawaii! [x2]
Kawaii! [x4]
Meow.

[Chorus]
Hello Kitty, hello Kitty
Hello Kitty, you're so pretty
Hello Kitty, hello Kitty
Hello Kitty, you're so silly

[Pre-chorus]
Come come Kitty Kitty
You're so pretty pretty
Don't go Kitty Kitty
Stay with me

Come come Kitty Kitty
You're so silly silly
Don't go Kitty Kitty
Play with me 




ดูอู้แปลกๆว้าาาาา ก็ท่อนซ้ำมันเยอะนี่เนอะ  แหะๆ

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Are You Ready - Lawson


Oh oh oh oh, yeah
Bring your sugar my way
ทำตัวหวานๆกับเธอ
Thinking of you every single day
คิดถึงเธอในทุกๆวัน
We don't need to explain
เราไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกเนอะ
Are you ready?
เธอพร้อมหรือเปล่า?
Are you ready for love
เธอพร้อมที่จะรักใครหรือยัง?
And are you ready for love

I can't sleep when your gone, 
 ฉันหลับไม่ลงเลยเมื่อเธอจากไป
I feel like I'm only half a man
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเหลือความเป็นคนอยู่ครึ่งเดียว
, I can't wait 'till your home
ฉันรออยู่ที่บ้านเธอไม่ไหวแน่
เธอพร้อมไหม?
Are you ready for love?
เธอพร้อมสำหรับความรักหรือเปล่า?
Tell me are you ready for love?
บอกฉันสิ ว่าเธอพร้อมจะรักใครไหม?

Meet me at the front door
ไปเจอฉันที่หน้าประตูบ้านนะ
Stop playing, what are you waiting for?
หยุดเล่นเถอะ เธอกำลังรออะไรอยู่เหรอ?
Leave your coat on my floor
ถอดเสื้อโค้ทของเธอเอาไว้บนพื้นบ้านฉันนี่ล่ะ
Can you tell me
เธอจะบอกฉันได้หรือยัง
Are you ready for love
เธอพร้อมสำหรับการจะรักใครไหม?
And are you ready for love
แล้วเธอพร้อมสำหรับความรักแล้วหรือยัง?

I can't sleep when your gone, 
ฉันหลับไม่ลงเลยเมื่อเธอจากไป
I feel like I'm only half a man
ฉันเหมือนเป็นคนครึ่งๆกลางๆ
, I can't wait 'till your home
ฉันรอเธออยู่ที่บ้านไม่ได้หรอก
Are you ready?
เธอพร้อมไหม?
Are you ready for love?
เธอพร้อมสำหรับความรักหรือยัง?
Tell me are you ready for love?
บอกหน่อยสิ ว่าเธอพร้อมจะรักกันหรือเปล่า?

Woah, pull your body close
เอาตัวเธอมาชิดกับฉันหน่อยสิ
Woah, put your hands on me
วางมือของเธอลงมาบนตัวฉัน
Cause you know I'm tired of waiting
เพราะเธอก็รู้ใช่ไหมล่ะ ว่าฉันเหนื่อยกับการต้องรอแล้ว

I can't sleep when your gone, I feel like I'm only half a man
ฉันนอนไม่หลับเลยเมื่อเธอหายไป ฉันรู้สึกเหมือนมีความเป็นคนอยู่แค่ครึ่งเดียว
I can't sleep when your gone,
ฉันหลับไม่ลงเมื่อเธอจากกันไป
 I feel like I'm only half a man
ฉันเหมือนเหลือความเป็นคนอยู่ครึ่งเดียวเอง
, I can't wait 'till your home
  ฉันไปรออยู่ที่บ้านเธอไม่ได้หรอก
Are you ready?
เธอพร้อมไหม?
Are you ready for love?
เธอพร้อมสำหรับความรักแล้วหรือยัง?
Tell me are you ready for love?
บอกทีสิ ว่าเธอพร้อมจะรักฉันแล้วหรือยัง?

Are you ready for love?
เธอพร้อมที่จะรักใครไหม?

I can't sleep when your gone, I feel like I'm only half a man
Are you ready for love? Are you ready [x2]
Yeah, oh oh oh

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Ain't Nothing Bout You - Brooks & Dunn


Once I thought that love was something I could never do
ครั้งหนึ่งฉันเคยคิด ว่ารักนั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้
Never knew that I could feel this much
ไม่รู้เลยว่าฉันจะรู้สึกมากมายอย่างนี้ได้
But this yearning in the deep part of my heart for you
แต่แรงปราถนาในห้วงลึกของใจฉันนี้ก็มีไว้เพื่อเธอ
Is more than a reaction to your touch
เป็นอะไรที่มากกว่าการตอบสนองต่อสัมผัสของเธอซะอีก
It's a perfect passion and I can't get enough
มันคือตัณหาอันแสนสมบูรณ์แบบ และฉันก็ได้รับมันไม่พอสักที

The way you look, the way you laugh,
ในตอนที่เธอมอง ในตอนที่เธอหัวเราะ
The way you love with all you have,
ในตอนที่เธอรักทุกๆสิ่งที่เธอมี
There ain't nothing bout you that don't do something for me
มันไม่มีอะไรที่เทียบเคียงเธอได้หรอก นั่นก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างกับฉันด้วย
The way you kiss, The way you cry,
ในตอนที่เธอจูบฉัน ในตอนที่เธอร้องไห้
The way you move when you walk by
ในตอนที่เธอเคลื่อนไหว ในตอนที่เธอเดินผ่านกันไป
There's ain't nothing bout you (there ain't nothing bout you)
ไม่มีสักอย่างที่เทียบเท่าเธอได้
That don't do something for me
และนั่นก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยสักอย่าง

In my life I've been hammered by some heavy blows
ในชีวิต ฉันไม่เคยถูกเรื่องร้ายๆกระหน่ำใส่มาก่อน
That never knocked me off my feet
เรื่องแบบนั้นไม่มีทางกระแทกฉันลงไปกองกับพื้นแน่
All you gotta do is smile at me and down I go
ทุกสิ่งที่เธอต้องทำคือส่งยิ้มให้ฉันและก็ล้มฉันลงไป
And baby it's no mystery why I surrender
แล้วก็...ที่รัก มันไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร แล้วทำไมฉันถึงยอมแพ้เธอกัน?
Girl you got everything
สาวน้อย เธอได้ทุกสิ่งไปเลยนะ

The way you look, the way you laugh,
ในตอนที่เธอจ้องมอง ในตอนที่เธอหัวเราะ
The way you love with all you have,
ในตอนที่เธอรักในทุกๆสิ่งที่เธอมี
There ain't nothing bout you that don't do something for me
ไม่มีอะไรที่เทียบกับเธอได้ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรฉันด้วย
The way you kiss, The way you cry,
ในตอนที่เธอจูบฉัน ในตอนที่เธอร้องไห้
The way you move when you walk by
ในตอนที่เธอเคลื่อนไหว ในตอนที่เธอเดินผ่านไป
There's ain't nothing bout you (there ain't nothing bout you)
ไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกับเธอหรอก
That don't do something for me
และก็ทำอะไรฉันไม่ได้เลยด้วย

I love your attitude, your rose tattoo, your every thought
ฉันรักท่าทางของเธอ รอยสักรูปกุหลายของเธอ ทุกๆความคิดของเธอ
Your smile, your lips and girl the list goes on and on and on
รอยยิ้มของเธอ ริมฝีปากของเธอด้วย จะเป็นชื่อของสิ่งที่ฉันจะรักต่อไป ต่อไป ต่อไปเรื่อยๆ

The way you look, the way you laugh,
The way you love with all you have,
There ain't nothing bout you that don't do something for me
The way you kiss, The way you cry,
The way you move when you walk by
There's ain't nothing bout you (there ain't nothing bout you)
That don't do something for me

The way you look, the way you laugh,
The way you love with all you have,
Your dance, your drive, You make me feel alive

The way you talk, the way you tease
ตอนที่เธอพูดคุย ตอนที่เธอหยอกล้อกับฉัน
Right now I think you see
ตอนนี้ฉันคิดว่าเธอคงเห็นแล้ว
There ain't nothing bout you that don't do something for me
ว่านั่นมันไม่มีอะไรที่เทียบเท่าเธอได้เลย นั่นมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก




เพลงเพราะ เพลงเก่า แต่ไม่มีคนแปล...แต่แอบมั่วหลายท่อนนะนี่นะ

คำอธิบายศัพท์ครับผม


yearning = แรงปราถนา ความต้องการ

reaction = การตอบสนอง

passion = ตัณหา ราคะ บาป

The way = อาจจะแปลว่า วีธีก็ได้ แต่ในที่นี้ขอแปลว่า 'ในตอนที่' นะครับ 

ain't = เป็นรูปปฏิเสธของทุกๆสิ่ง มีความหมายเหมือนคำว่า not ที่แปลว่า ไม่ อ่ะแหละ แต่เป็นคำที่ไม่เป็นทางการนะ ไม่ค่อยใช้กันในหมู่ผู้ดีสักเท่าไหร่

hammered = กระหน่ำ ตอก

blows = เคราะห์ร้าย(หลายๆครั้งแปลว่า พัด หรือ เป่า นะครับผม)

mystery = ลึกลับ น่าสงสัย ส่วนใหญ่คำนี้จะอยู่ในพวกหมวดหมู่ของภาพยนตร์นะ เช่น ทไวไลท์ ก็เป็นหนังแบบมิสเทอรี่ เพราะปริศนาเยอะ อะไรประมาณนี้

surrender = ศิโรราบ ยอมแพ้

attitude = ท่าที อาการ ไม่ใช่นิตยสารนะครับผม

tease = แซว หยอกล้อ


เยอะดีเนอะ ถ้าแปลผิดตรงไหนก็ขออภัยครับผม บาย

แถมให้ :)

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แปลเพลง All Too Well - Taylor Swift


I walked through the door with you
ฉันเดินเข้าประตูบ้านพร้อมกับเธอ
The air was cold, but something 'bout it felt like home somehow
อากาศมันก็หนาวดี แต่บางสิ่งที่นั่นก็ทำให้ฉันเหมือนอยู่บ้านตัวเอง
And I left my scarf there at your sister's house
แล้วฉันก็เผลอทิ้งผ้าพันคอของตัวเองไว้ที่บ้านน้องสาวของเธอ
And you still got it in your drawer even now
 และเธอก็ยังคงเก็บมันไว้ในลิ้นชัก แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม

Oh your sweet disposition and my wide eyed gaze
อารมณ์อ่อนหวานของเธอ และดวงตากลมโตของฉันที่จ้องมอง
 We're singing in the car getting lost upstate
เรานั่งร้องเพลงอยู่ในรถขณะที่หลงทางอยู่ในรัฐทางเหนือ
Autumn leaves falling down like pieces into place
ใบไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วง ตกลงมาสู้พื้นดินราวกับเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่นั้น
And I can picture it after all these days
และฉันก็ยังคงนึกถึงภาพนั้นได้ตลอด หลังจากนั้นจนถึงหลายวันนี้

And I know it's long gone, and that magic's not here no more
ฉันก็รู้นะว่านั่นมันผ่านไปนานแล้ว และมนตร์เสน่ห์แห่งความรักก็ไม่มีอีกต่อไป
And I might be okay, but i'm not fine at all
และฉันก็คงจะดีขึ้น แต่ก็คงไม่ได้สบายดีไปซะเสียทุกอย่างหรอก

Cause here we are again on that little town street
เพราะที่นี่ เราได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งในถนนของเมืองเล็กๆเมืองนั้น
You almost ran the red cause you were looking over me
เธอเกือบจะฝ่าไฟแดง เพราะมัวแต่จ้องมองฉัน
Wind in my hair I was there I remember it all too well
สายลมในปลายผม ฉันเคยอยู่ตรงนั้น ฉันยังคงจำทั้งหมดนั่นได้อย่างดี

Photo album on my counter
อัลบั้มรูปภาพบนโต๊ะเคาน์เตอร์
Your cheeks were turning red
ทำให้แก้มของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
You used to be a little kid with your glasses in a twin size bed
เธอเคยเป็นเด็กชายตัวเล็กใส่แว่นตา นอนอยู่บนเตียงคู่
And your mother's telling stories 'bout you on the t-ball team
และแม่ของเธอก็เล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับเรื่องของเธอตอนอยู่ในทีมทีบอล
You tell me about your past thinking your future was me
เธอเล่าเรื่องสมัยก่อนของเธอให้ฟัง และคิดว่าคนๆนั้นในอนาคตของเธอจะเป็นฉัน

And I know it's long gone, and there was nothing else I could do
และฉันก็รู้นะ ว่านั่นมันผ่านมานานแล้ว และนี่ก็ไม่มีอะไรๆที่ฉันจะทำได้อีก
And I forget about you long enough to forget why I needed to
และฉันก็ลืมเรื่องของเธอมานานมากพอที่จะลืมว่าทำไมถึงเคยต้องการจะจำด้วย

Cause here we are again in the middle of the night
เพราะที่นี่ เราได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้งในยามค่ำคืน
We're dancing round the kitchen in the refrigerator light
เราเต้นรำด้วยกันไปรอบห้องครัว ท่ามกลางแสงไฟจากตู้เย็น
Down the stairs I was there I remember it all too well...
ลงบันไดมาด้วยกัน ฉันเคยอยู่ตรงนั้น ฉันยังคงจำทุกอย่างได้อย่างดี...

And maybe we got lost in translation
และบางทีเราคงจะสื่อสารกันหลงทิศหลงทางไปหน่อย
Maybe I asked for too much
หรือบางทีฉันคงจะซักไซร้อะไรเธอมากไป
But maybe this thing was a masterpiece
แต่บางที สิ่งนี้ก็เคยเป็นถึงความรักชิ้นโบว์แดง
Till you tore it all up
กระทั่งเธอฉีกมันขาดกระจุยไปเสียหมด
Running scared, I was there I remember it all too well
วิ่งหนีจากกันไปอย่างขาดกลัว ฉันเคยยืนเคว้งคนเดียวอยู่ตรงนั้น ฉันยังคงจำมันทุกอย่างได้อย่างดี

And you call me up again just to break me like a promise
และเธอก็โทรมาหากับอีกครั้งเพื่อจะบอกเลิกกันเหมือนกับที่ยกเลิกคำสัญญานั่น
So casually cruel in the name of being honest
นี่แหละ ความโหดเหี้ยมอำมหิตที่เธอเรียกมันว่าการทำตัวซื้อสัตย์
I'm a crumpled up piece of paper lying here
ฉันถูกขยำให้เป็นเศษกระดาษ โปรยทิ้งเอาไว้แถวนี้
Cause I remember it all all all too well
เพราะฉันยังคงจำทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกเรื่องราว ได้ดีเกินไป

Time won't fly it's like I'm paralyzed by it
เวลาจะไม่เคลื่อนตัวต่อไป เหมือนอย่างที่ฉันเหนื่อยอ่อนกับมันแล้ว
I'd like to be my old self again
ฉันอยากจะกลับไปเป็นคนเดิมอีกครั้ง
But i'm still trying to find it
แต่ฉันก็ยังคงที่จะพยายามหาวิธีทำแบบนั้นต่อไป
After plaid shirt days and nights when you made me your own
หลังจากวันplaid shirt days และหลายคืนหลังจากนั้น เมื่อเธอทำให้ฉันได้เป็นของเธอ
Now you mail back my things and I walk home alone
ตอนนี้เธอส่งของที่เป็นของฉันกลับคืนมา และฉันก็ต้องเดินกลับบ้านคนเดียว

But you keep my old scarf from that very first week
แต่เธอก็ยังคงเก็บผ้าพันคอผืนเก่าของฉันเอาไว้ ตั้งแต่อาทิตย์แรกนั้น
Cause it reminds you of innocence and it smells like me
เพราะมันเตือนเธอให้นึกถึงความไร้เดียงสา และกลิ่นที่เหมือนกับตัวฉัน
You can't get rid of it, cause you remember it all too well
เธอสลัดมันออกไปไม่ได้ เพราะเธอเองก็ยังคงจำมันทั้งหมดได้ดีเสียเหลือเกิน

Cause there we are again and I loved you so
เพราะที่นั่น เราได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง และฉันก็ยังรักเธออย่างมากมาย
Back before you lost the one real thing you've ever known
ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่เธอจะสูญเสียเพียงสิ่งเดียวที่เธอเคยรู้จัก
It was rare, I was there, I remember it all too well
มันช่างมีค่า ฉันเคยอยู่ตรงจุดนั้น ฉันยังคงจำทุกอย่างได้ดี
Wind in my hair you were there you remember it all
สายลมในปลายผม เธอเคยอยู่ที่นั่น เธอยังคงจำทุกอย่างได้
Down the stairs you were there you remember it all
ใต้ขั้นบันได้ เธอเคยอยู่ตรงนั้น เธอยังคงจำทุกอย่างได้
It was rare, I was there I remember it all too well
มันช่างมีค่า ฉันเคยอยู่ตรงนั้น ฉันยังคงจำทุกอย่างได้อย่างดี

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แปลเพลง After The Winter - Lenka


When the rain is falling down
เมื่อในยามที่ฝนกำลังโปรยปราย
And there are snowflakes on your cheeks
และเมื่อมีเกล็ดหิมะเกาะอยู่บนแก้มของเธอ
When your heart is frozen over
เมื่อหัวใจของเธอได้ถูกแช่แข็งไปเสียหมด
And there is a sea lost sun in weeks
 และเมื่อดวงตะวันได้หายไปในทะเลเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน

Just remember, just remember,
แค่จำเอาไว้ แค่จำไว้เองนะ

After the winter comes the spring
หลังจากที่ฤดูหนาวมาเยือนแทนใบไม้ผลิ
That is when the blue birds starts to sing
นั่นจะเป็นยามที่หมู่นกสีฟ้าเริ่มส่งเสียงร้องเพลง
And you can always count on this
และเธอนั้นก็สามารถเชื่อมั่นในสิ่งเหล่านี้ได้เสมอ
After the winter comes the spring
หลังจากที่ฤดูหนาวได้กลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ

When the trees have lost the color
เมื่อสีสันของเหล่าต้นไม้ได้จางหายไป
And the sky is full of fears
และเมื่อท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
When you feel you are going under
เมื่อเธอรู้สึกว่าเธอนั้นกำลังตกต่ำ
And your eyes are full of tears
และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
When the bells are all hiding
เมื่อเหล่าระฆังต่างก็ถูกซ่อน
And you are hiding too
และเธอก็ซ่อนตัวเองไว้เช่นกัน
Oh, darling just remember
ที่รัก แค่จำมันเอาไว้
That everything will soon be new, because
ทุกๆสิ่งนั้นในไม่ช้าจะเริ่มใหม่ เพราะว่า..

After the winter comes the spring
หลังจากที่ฤดูหนาวกลายเป็นเป็นใบไม้ผลิ
That is when the blue birds
นั่นคือตอนที่เหล่านกสีฟ้า
Start to use their wings
เริ่มที่จะใช้ปีกของพวกมันออกบิน
And you can always count on this
และเธอก็สามารถเชื่อใจในสิ่งเหล่านี้ได้เสมอ
After the winter comes the spring
หลังจากที่ฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นใบไม้ผลิ

Just remember, just remember,
แค่จำเอาไว้ แค่จำไว้เท่านั้น
Just remember, just remember,
After the winter comes the spring
หลังจากที่ฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นใบไม้ผลิ
That is when the blue birds
นั่นคือยามที่เหล่านกสีฟ้า
Starts to sing
เริ่มที่จะขับร้องเพลง
And you can always count on this
และเธอก็จะจ้องมองสิ่งเหล่านั้นได้เรื่อยๆ
After the winter comes the spring
หลังจากที่ฤดูหนาวเปลี่ยนไปเป็นใบไม้ผลิ
After the winter comes the spring



เพลงนี้ไม่มีคำศัพท์ยากๆเลยอ่ะ ขอไม่เขียนคำอธิบายศัพท์นะครับ บ๊ายบาย

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Enrique Iglesias - Heart Attack



[Verse 1]
Loving you was easy
การรักเธอมันเป็นสิ่งที่เคยง่าย
thought you'd never leave me
เคยคิดนะ ว่าเธอจะไม่มีทางทิ้งฉันแน่ๆ
yeah yeah
Wrapped around my finger
ทำตามใจในสิ่งที่ฉันชี้นิ้วสั่ง
see ya when I see ya
เจอเธอ เมื่อฉันได้เจอเธอ
yeah yeah
Now I'm hearing around
ตอนนี้ฉันได้ยินสิ่งรอบตัวทุกอย่าง
that you been running around
ว่าเธอกำลังวิ่งวุ่นอยู่รอบๆ
I didn't think I'd miss you
ฉันไม่คิดหรอกว่าฉันจะคิดถึงเธอ
Now I'm feeling like a fool
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่
ooh ohh

[Chorus]
It hit me like a heart attack
มันทำร้ายฉันเหมือนอาการหัวใจวาย
when you finally left me girl
เมื่อเธอได้จากฉันไปในที่สุดแล้วไงสาวน้อย
I thought I'd never want you back
ฉันเคยคิดนะว่าฉันจะไม่มีวันอยากให้เธอกลับมา
But I don't wanna live in a world with without you
แต่ฉันก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ในโลกทั้งใบนี้โดยไม่มีเธอ
I don't wanna live in a world with without you

 
[Verse 2]
Never really noticed
ไม่เคยสังเกตเห็นเลยจริงๆ
all the little things you did
พวกสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เธอได้ทำเอาไว้
you did
เธอได้ทำมัน
Never bought you roses
ไม่เคยซื้อดอกกุหลาบมามอบให้เธอเลย
always was around my friends
อยู่แต่กับเพื่อนรอบกายฉันตลอดเวลา
my friends
พวกเพื่อนของฉัน
And now I'm hearing around
และตอนนี้ฉันก็ได้ยินเหล่าเสียงรอบๆตัว
that you been running around
ว่าเธอนั้นได้วิ่งหนีจากกันไป
I didn't think I'd miss you
ฉันไม่ได้คิดหรอกว่าฉันจะคิดถึงเธอ
Now I'm feeling like a fool
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นคนงี่เง่าเลยล่ะ
ooh ohh

[Chorus]
It hit me like a heart attack
มันทำร้ายฉันเหมือนอาการหัวใจวาย
when you finally left me girl
เมื่อเธอได้จากฉันไปแล้วในที่สุด สาวน้อยเอ๋ย
I thought I'd never want you back
ฉันคิดนะ ว่าฉันคงจะไม่อยากให้เธอกลับมาหรอก
But I don't wanna live in a world with without you
แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะอยู่ในโลกใบนี้โดยไม่มีเธอ
I don't wanna live in a world with without you

[Bridge]
Never should have let you slip away
ไม่ดีเลยที่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปไกล
Living in a world that's turned to gray
ใช้ชีวิตในโลกใบหนึ่งที่ถูกเปลี่ยนไปเป็นสีเทา
Little did I know it hurt so bad
สิ่งเล็กๆน้อยที่ฉันได้รู้คือมันช่างเจ็บปวดเหลือร้าย
Cause It hit me like a heart attack…
เพราะว่ามันทำร้ายฉันเหมือนกับโรคหัวใจวาย

[Chorus]
It hit me like a heart attack
มันทำร้ายฉันเหมือนอาการหัวใจวาย
when you finally left me girl
เมื่อในที่สุดเธอได้จากฉันไปแล้วไง สาวน้อย
I thought I'd never want you back
ฉันเคยคิดนะว่าไม่มีวันอยากให้เธอกลับมาหรอก
But I don't wanna live in a world with without you
แต่ฉันก็ไม่ได้อยากจะอยู่ต่อไปในโลกที่มันขาดเธอ
I don't wanna live in a world with without you
No oh

[Outro]
Now I'm hearing around
ตอนนี้ฉันได้ยินเสียงรอบกาย
that you been running around
ว่าเธอได้วิ่งหนีจากกันไปอยู่ที่อื่น
I didn't think I'd miss you
ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าฉันจะคิดถึงเธอ
Now I'm feeling like a fool
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นคนโง่งี่เงา...
ooh ohh

อธิบายศัพท์จ้า

 
Wrapped around = การตามใจหรือโอนอ่อนตามคนบางคน
 
 
fool = โง่
 
 
heart attack = อาการหัวใจวาย
 
 
noticed = สังเกต
 
 
slip away = คำว่า slip แปลว่าลื่นหลุดไปครับ พอไปรวมกับ away ที่แปลว่าอีกทาง ก็แปลว่า หลุดมือไปที่อื่น...ประมาณนี้นะ



turned = ถูกเปลี่ยน คำนี้มันมีตัว ed ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นช่องสองนะเออ ถ้าไม่มีก็แปลว่าย้อนกลับ หรือว่าเปลี่ยนเฉยๆ


ผิดพลาดตรงไหนช่วยเตือนด้วยนะครับผม ^^

วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Sweeter Than Fiction - Taylor Swift

เพลงนี้ขอบอกว่าตื่นเต้นมากที่จะได้แปล เพราะคิดไว้ตั้งแต่รู้ว่าจะมีเพลงนี้แล้ว ว่าจะต้องแปลให้ได้ และมันก็เป็นจริง เพลงนี้ง่ายม๊วกกกกก
(คำอธิบายศัพท์ด้านล่างนะครับ)




Hit the ground, hit the ground, hit the ground (oh, oh)
เริ่มสิ เริ่มต้นสิ เริ่มที่จะทำสิ
Only sound, only sound that you hear is “no”
เสียงเดียว เพียงเสียงเดียว เสียงเพียงหนึ่งเดียวที่เธอได้ยินคือคำว่า "ไม่"
You never saw it coming
เธอไม่มีวันได้เห็นมันเดินทางมาหา  
Except when you started running
เว้นแต่เมื่อเธอเริ่มจะวิ่งไล่ตามมันเสียเอง
And now you come undone (I, I, I)
และตอนนี้เธอก็กลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว
 
Seen you fall, seen you crawl on your knees (eh, eh)
เห็นเธอผิดหวัง ดูเธอล้มลุกคลุกคลานอยู่บนเข่าของเธอเองอย่างนั้น
Seen you lost in a crowd, seen you colors fade
เห็นเธอหายไปท่ามกลางฝูงชน มองเธอสีหน้าซีดเซียว
Wish I could make it better
หวังว่าฉันจะทำให้มันดีขึ้นได้
Someday you won’t remember,
สักวันหนึ่ง เธอจะลืมมันลง
This pain you thought would last forever and ever
ความเจ็บนี้ที่เธอคิดว่ามันจะอยู่ตลอดๆ
 
[Chorus]
There you stand, ten feet tall
และแล้วเธอก็ยืนขึ้นได้ ด้วยความสำเร็จอย่างสง่างาม
I will say, “I knew it all along
ฉันจะขอพูดเลยนะว่า "ฉันรู้ว่านั่นมันดีไปหมดอย่แล้วน่า"
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอกว้างขวางยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction
ชีวิตนี้ ช่างหวานฉ่ำยิ่งกว่านิยาย
 
Just a shot, just a shot in the dark (oh, oh)
เพียงวูบเดียว แวบเดียวเท่านั้นในความมืดมิด
All you got, all you got are your shattered hopes
ทั้งหมดที่เธอมี ทั้งหมดที่เธอได้มาคือความหวังที่แตกเป็นเสี่ยงๆ
They never saw it coming
พวกเขาไม่มีทางได้เห็นมันเดินทางมาหา
You hit the ground running
เธอจงพยายามทำให้ดีที่สุด
And now you’re onto something
และตอนนี้เธอก็ได้พบกับความจริงบางอย่าง
I, I, I say
ฉันบอกว่า
 
What a sight, what a sight when the light came on
สายตาพวกนี้มันอะไรกัน เมื่อยามที่แสงไฟส่องลงมา
Put me right, threw me right when you put them front
ทำให้ฉันรู้สึกดี และเจ๋งเป้งยามเมื่อเธอพาตัวเองมันอยู่ต่อหน้าพวกเขา
And in this perfect weather
และในบรรยากาศดีๆอย่างนี้
It’s like we don’t remember
มันเหมือนกับว่าเราจะไม่จำมัน
The rain we thought would last forever and ever
เหล่าฝนพรำที่เราคิดมันจะอยู่ตลอดไป
 
[Chorus]
There you stand, ten feet tall
และแล้วเธอก็ลุกขึ้นได้ ด้วยความสำเร็จอันสง่างาม
I will say, “I knew it all along”
ฉันจะบอกว่า "ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ ว่ามันก็ถูกต้องทั้งหมด"
Your eyes are wider than distance
ดวงตาทั้งสองข้างของเธอ มองได้กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction
ชีวิตนี้ ช่างหวานหมูยิ่งกว่าเรื่องโกหกเสียอีก
There you stand, next to me
และแล้วเธอก็ได้มายืนอยู่ ข้างกายฉัน  
All at once, the rest is history
ทันใดนั้น ส่วนที่เหลือจะกลายเป็นประวัติศาสตร์
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอ กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction, fiction
ชีวิตนี้ หวานหมูยิ่งกว่านิยายเสียอีก
 
[Bridge]
I’ll be one of the many saying
ฉันจะเป็นหนึ่งในเหล่าคนมากมายที่กล่าวออกมา
Look at you now, look at you now, now
ว่ามองไปที่เธอสิ มองไปที่เธอสิ ตอนนี้เลยนะ
I’ll be one of the many saying
ฉันจะเป็นหนึ่งในเหล่าคนมากมายที่เอ่ยขึ้น
You’re made us proud, you’re made us proud
เธอทำให้พวกเราภูมิใจ เธอทำให้เราภูมิใจได้นะ
I’ll be one of the many saying
Look at you now, look at you now, now
I’ll be one of the many saying
You’re made us proud, you’re made us proud, proud

 
And when they call your name
และเมื่อยามที่พวกเขาเอ่ยขานชื่อเธอ
And they put your picture in a frame
และเมื่อพวกเขาใส่ภาพของเธอไว้ในกรอบรูป
You know that I’ll be there time and again
เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันนั้นจะไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง
‘Cause I you loved when
เพราะฉันรักเธอ เมื่อเธอ...
 
When you hit the ground, hit the ground, hit the ground, oh oh
เมื่อเธอตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่างให้ประสบผลสำเร็จ
Only sound, only sound that you hear is “no”
เสียงเดียว เพียงเสียงเดียว เสียงเพียงหนึ่งเดียวที่เธอได้ยินคือคำว่าไม่
Now in this perfect weather
ตอนนี้มันเป็นช่วงที่อากาศดีมากเลยนะ
It’s like we don’t remember
มันเหมือนกับว่าเราจะจำมันไม่ได้
The rain we thought would last forever and ever
สายฝนที่เราคิดว่ามันจะอยู่เป็นสิ่งสุดท้าย
 
[Chorus]
There you stand, ten feet tall
และเธอก็ยืนขึ้นได้ ด้วยความสำเร็จนั้น
I will say, “I knew it all along”
ฉันจะพูดว่า "ฉันรู้อยู่แล้วน่า ว่านั่นมันถูกไปหมดอยู่แล้ว"
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอ กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใดๆ
This life is sweeter than fiction
ชีวิตนี้ หวานหมูยิ่งกว่าเรื่องแต่งเสียอีก
There you stand, next to me
และเธอก็ยืนอยู่ ข้างกายฉัน
All at once, the rest is history
ในตอนนั้น ส่วนที่เหลือมันจะกลายเป็นเรื่องเก่าๆ
Your eyes are wider than distance
สายตาของเธอ กว้างไกลยิ่งกว่าระยะห่างใด
This life is sweeter than fiction, fiction
ชีวิตนี้ หวานเสียยิ่งกว่านิยาย
คำอธิบายศัพท์ เยอะหน่อยนะ


Hit the ground = มาจากคำว่า "Hit the ground running" ครับ แปลว่า การตั้งใจทำอะไรบางอย่างให้ประสบผลสำเร็จ
 
 Except = ยกเว้น


come undone = กลายเป็นบ้า

fall = ที่จริงแล้วแปลว่าตก  แต่ว่ามันสามารถแปลว่า "หกล้ม" หรือว่า "ผิดหวัง" ได้เหมือนกันนะ ประมาณว่าทำอะไรไม่สำเร็จจนตกจากเป้าหมาย


crawl = คลาน


ten feet tall = เป็นศัพท์ของพวกนักธุรกิจครับ แปลว่า ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม



it all along = คำว่า along แปลว่า พร้อม หรือ ตามๆกัน แต่ว่าคำนี้แปลว่า มันสมควรต่อกันทั้งหมด

 
distance = ที่จริงมีนมีอีกคำหนึ่งที่คล้ายๆกันนะครับ คือ "Distant" ที่แปลว่า ไกล แต่ทว่า distance คำนี้แปลว่า ระยะห่าง ครับ


fiction = เรื่องโกหก เรื่องที่แต่งขึ้น หรือว่านิยาย 

 
Just a shot = แปลว่า ชั่วขณะเดียว


shattered = แตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว


sight = สายตา

 
 All at once = ทันทีทันใด


 proud = ภูมิใจ 


onto something = การได้พบเจอกับความจริงบางอย่าง


แปลผิดตรงไหนก็ขออภัยและช่วยเตือนด้วยนะครับ ขอบคุณมาก 

 

 

เนื้อเพลง http://sz4m.com/b3819304

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แปลเพลง Katy Perry - Unconditionally


ตอนแรกผมก็เฉยๆกับเคที่ เพอร์รี่นะ เพราะชอบเพลงพวกคันทรี่ประมาณเทเลอร์ สวิฟท์,ทิม แมคกรอว์ ประมาณนี้มากกว่า แต่เพลงนี้ถึงไม่ใช่คันทรี่แต่ก็โคตรเจ๋ง! ชอบมากจนต้องเอามาแปลเลยทีเดียว

คำอธิบายศัพท์ข้างล่างจ้า(เพลงก่อนๆไม่มีนะนี่)



Oh no, did I get too close?
โอ้ ไม่นะ นี่ฉันเข้าใกล้เกินไปหรือเปล่า?
Oh, did I almost see?
ฉันเกือบจะได้เห็นมันหรือยังนะ?
What's really on the inside
ว่าอะไรกันแน่ที่อยู่ข้างใน
All your insecurities
พวกความไม่มั่นคงทั้งหมดของเธอ
All the dirty laundry
พวกความสกปรกบนเสื้อผ้าของเธอ
Never made me blink one time
ไม่อาจทำให้ฉันกระพริบตาได้เลยสักครั้ง
Unconditional, unconditionally
ไม่มีเงื่อนไขเลย

I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธออย่างไม่มีเงื่อนไข
There is no fear now
ไม่มีความกลัวเลยสักนิดในตอนนี้
Let go and just be free
ปล่อยมันไปและเป็นอิสระซะ
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอโดยไม่มีข้อแม้เลย

So come just as you are to me
เพราะงั้นมาหาฉันด้วยความเป็นตัวเธอเอง
Don't need apologies
ไม่ต้องการคำขอโทษพวกนั้นเลยสักนิด
Know that you are worthy
รู้แล้วล่ะว่าเธอนั้นมีค่าขนาดไหน
I'll take your bad days with your good
ฉันจะแบกรับวันร้ายๆของเธอไว้ด้วยด้วยสิ่งดีๆของเธอเอง
Walk through the storm I would
เดินฝ่าเข้าไปในพายุร้าย นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันจะทำ
I do it all because I love you
ฉันทำทั้งหมดนั่น เพราะว่าฉันรักเธอ
I love you
ฉันรักเธอ

Unconditional, unconditionally
ไม่มีเงื่อนไขใดๆเลย
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอโดยไม่มีข้อแม้
There is no fear now
มันไม่มีความหวาดกลัวในตอนนี้เสียแล้ว
Let go and just be free
ปล่อยมันไปและเป็นอิสระเถอะ
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอโดยไร้เงื่อนไขเลย

So open up your heart and just let it begin
เพราะงั้นเปิดใจของเธอและมาให้มันได้เริ่มขึ้น
Open up your heart and just let it begin
เปิดหัวใจของเธอและปล่อยให้มันได้เริ่มต้น
Open up your heart and just let it begin
Open up your heart
เปิดใจของเธอซะสิ

Acceptance is the key to be
การยอมรับคือกุญแจที่จะใช้เพื่อ...
To be truly free
ได้พบกับความอิสระที่แท้จริง
Will you do the same for me?
เธอจะทำแบบเดียวกันนี้เพื่อฉันไหม?
 
Unconditional, unconditionally
ไม่มีเงื่อนไขใดเลย
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอแบบไม่มีเงื่อนไขใดเลย
And there is no fear now
และมันก็ไม่มีความกลัวเหลืออยู่ในตอนนี้แล้ว
Let go and just be free
ปล่อยมันไปและเป็นอิสระ
'Cause I will love you unconditionally (oh yeah)
 เพราะฉันจะรักเธอแบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ
I will love you
ฉันจะรักเธอ
I will love you
I will love you unconditionally
ฉันจะรักเธอแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ





แปลศัพท์จ้า

1. Unconditionally = ตามปกติแล้ว Conditionally แปลว่าเงื่อนไขครับ แต่พอเติม Un เข้ามามันก็กลายเป็น ไม่มีเงื่อนไข
2. Insecurities = sercurities เฉยๆแปลว่าความปลอดภัยหรือความมั่นคงครับ(มีs ด้วย ผมเลยเติม 'พวก' ในคำแปลนะ แต่พอเติม In เข้าไป แปลว่า ไม่ปลอดภัย หรือ ไม่มั่นคง นั่นเอง

3. Blink -  แปลว่ากระพริบตาครับ(เหมือนคำว่า wink) 'Never made me blink one time' หมายความได้อีกนัยหนึ่งว่า 'ไม่อาจทำให้ฉันละสายตาไปได้สักครั้งเดียว'

4. Laundry = มันแปลว่าซักรีดครับ ประโยคที่ว่า 'All the dirty laundry' แปลหยาบๆคือ 'การซักรีดที่สกปรกทั้งหมดนั่น' เฮ้ย!  มันหยาบเกินไป เลยขอแปลว่า 'พวกความสกปรกบนเสื้อผ้าของเธอ' แทนเพื่อความสละสลวยครับ

5. Apologies = แปลว่าคำขอโทษ เนื่องจากมันมี S ผมเลยแปลว่า 'คำขอโทษพวกนั้น' ครับ

6. worthy = คุณค่า


ที่เหลือก็ง่ายๆเนอะ เอาแค่หกคำก่อนละกัน



ปล. แปลผิดตรงไหนไปก็ฝากช่วยเตือนด้วยครับผม ขอบคุณครับ